ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

• เศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ย: เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งมักจะดึงดูดนักลงทุนเข้ามาลงทุน ทำให้สกุลเงินของประเทศนั้นแข็งค่าขึ้น ในขณะเดียวกัน หากประเทศใดปรับอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น จะทำให้สกุลเงินของประเทศนั้นมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าขึ้นเช่นกัน


• นโยบายการเงินและการคลัง: นโยบายของธนาคารกลาง เช่น การปรับอัตราดอกเบี้ยหรือการซื้อขายสกุลเงินในตลาดอาจส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนในทันที


• สถานการณ์ทางการเมือง: ความไม่แน่นอนทางการเมือง เช่น การเลือกตั้ง ความขัดแย้งระหว่างประเทศ หรือการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาล สามารถทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจและส่งผลให้สกุลเงินผันผวน


• ปัจจัยทางจิตวิทยาและข่าวสาร: บางครั้งอัตราแลกเปลี่ยนสามารถเปลี่ยนแปลงตามกระแสความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหรือข่าวสารที่ส่งผลกระทบทางจิตวิทยา เช่น ข่าวการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา เป็นต้น

วิธีการบริหารจัดการความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

1. การใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Forward Contracts)
   การใช้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าช่วยให้บริษัทล็อกอัตราแลกเปลี่ยนในอัตราที่ต้องการล่วงหน้า ทำให้สามารถวางแผนค่าใช้จ่ายหรือรายรับที่เกี่ยวข้องกับเงินตราต่างประเทศได้แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน


2. การใช้สัญญาออปชัน (Options Contracts)
   การใช้สัญญาออปชันเป็นอีกวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยบริษัทจะมีสิทธิในการซื้อหรือขายเงินตราต่างประเทศในอัตราที่กำหนดได้หากอัตราแลกเปลี่ยนมีการเปลี่ยนแปลง


3. การใช้การจับคู่รายรับและรายจ่าย
   วิธีนี้เหมาะสำหรับบริษัทที่มีรายรับและรายจ่ายในสกุลเงินเดียวกัน เช่น บริษัทที่มีสาขาในต่างประเทศอาจใช้รายรับในสกุลเงินท้องถิ่นนั้นมาชำระรายจ่าย เพื่อลดการต้องแปลงสกุลเงินและลดความเสี่ยงที่เกิดจากอัตราแลกเปลี่ยน


4. การทำธุรกิจในหลายสกุลเงิน (Natural Hedge)
   การมีรายได้และรายจ่ายในหลายสกุลเงินอาจช่วยลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ ตัวอย่างเช่น หากบริษัทมีรายรับในสกุลเงินยูโรและรายจ่ายในสกุลเงินดอลลาร์ เมื่อยูโรแข็งค่า บริษัทจะได้กำไรจากยอดขายที่สูงขึ้น ขณะเดียวกันก็เสียค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในฝั่งของดอลลาร์

สรุป